ท้าวสุรนารี หรือ ย่าโม
คุณย่าโม หรือ ท่านท้าวสุรนารี ของชาวโคราชนั่น มีนามเดิมว่า “โม” แปลว่า ใหญ่มาก หรือ ท้าวมะโหโรง เป็นชาวเมืองนครราชสีมาโดยกำเนิด เกิดเมื่อปีระกา พ.ศ. 2314 มีนิวาสถานหรือ บ้าน อยู่ตรงกันข้ามกับวัดพระนารายณ์มหาราช หรือ วัดกลางนคร ทางทิศใต้ของเมืองโคราช
คุณย่าโม เป็นลูกสาว คนที่สอง ของนายกิ่มและนางบุญมา มีพี่สาวหนึ่งคนชื่อ แป้นาผล มีน้องชายหนึ่งคน ชื่อ จุก ซึ่งภายหลังน้องชาย ได้เป็นเจ้าเมืองพนมซร็อก ต่อมามีการอพยพชาวเมืองพนมซร็อกมาอยู่ริมคูเมืองนครราชสีมาด้านใต้ จึงเอาชื่อเมืองพนมซร็อกมาตั้งชื่อ บ้านพนมศรก ต่อมาเรียกเพี้ยนเป็น บ้านสก อยู่หลังสถานีรถไฟชุมทางถนนจิระนั่นเอง
เมื่อปี พ.ศ. 2339 คุณย่าโม อายุ 25 ปี ได้แต่งงานสมรสกับนายทองคำขาว สามีเป็นพนักงานกรมการเมืองนครราชสีมา ซึ่งต่อได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น “พระภักดีสุริยเดช” ตำแหน่งรองปลัดเมืองนครราชสีมา คุณย่าโม จึงได้เป็น คุณนายโม หลังจากนั่นอีกไม่นาน สามีคุณย่าได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น “พระยาสุริยเดช” ตำแหน่งปลัดเมืองนครราชสีมา คุณย่าโม จึง ได้เป็น คุณหญิงโม
ด้วยเหตุที่คุณย่าโม และสามี ไม่มีทายาทสืบสายโลหิต เพราะเป็นหมัน ชาวบ้านเมืองนครราชสีมาทั้งหลายจึงพากันเรียก แม่ แทนตัวคุณหญิงโม มีผู้มาฝากตัวเป็นลูก-หลานกับคุณย่าโม มากมาย ซึ่งเป็นกำลังและอำนาจส่งเสริมคุณย่าโมให้ทำการใด ๆ ได้สำเร็จเสมอ
พุทธศักราช 2369 เจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ เป็นกบฏต่อกรุงเทพมหานคร เจ้าอนุวงศ์ออกอุบายแก่เจ้าเมือง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงให้เจ้าอนุวงศ์เกณฑ์กองทัพเวียงจันทน์ลงมาช่วยทำศึก เจ้าเมืองตามรายทาง เช่น ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ขอนแก่น สุรินทร์ ขุขันธ์ หลงเชื่อและให้การสนับสนุนเจ้าอนุวงศ์ ยอมให้เดินทัพผ่านโดยสะดวก และมอบเสบียงอาหารให้เพิ่มเติมด้วย จนกระทั่งทัพเวียงจันทน์มาถึงนครราชสีมา ยกกองทัพเข้ามายึดเมืองนครราชสีมากวาดต้อนชาวเมืองและยึดทรัพย์สินจากนครราชสีมา
คุณย่าโม เป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกกวาดต้อนไปด้วย ก็ออกอุบายขอให้ผ่อนให้ควบคุมไปช้า ๆ เพื่อรอให้บรรดาชาวเมืองไปให้ทันกัน ครั้นถึงทุ่งสัมฤทธิ์ คุณย่าโม ร่วมกับ นางสาวบุญเหลือ* และหลวงณรงค์สงคราม หัวหน้าชาวเมือง ได้ใช้กลอุบาย ให้ชาวเมืองเลี้ยงสุราอาหารแก่ทหารลาว เมื่อทหารเจ้าอนุวงศ์หลงกลกินเหล้าเมายาจนขาดสติเกือบหมดกองทัพ เป็นโอกาสเหมาะ ชาวนครราชสีมา ที่ทุ่งสัมฤทธิ์ทั้งชาย และหญิง ก็แย่งอาวุธโจมตีเข่นฆ่าทหารลาวจนล้มตายเป็นจำนวนมาก ทำให้กอบกู้อิสรภาพ ของเมืองนครราชสีมาสำเร็จ
เมื่อความทราบไปถึง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในรัชกาลที่ 3 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาคุณย่าโม หรือคุณหญิงโม ขึ้นเป็น ท้าวสุรนารี เมื่อ วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2370 ซึ่งมีอายุได้ 57 ปี พร้อมกับพระราชทานเครื่องยศ มี ถาดทองคำใส่เครื่องเชี่ยนหมาก 1 ใ, จอกหมากทองคำ 1 คู่, ตลับทองคำ 3 ใบเถา, เต้าปูนทองคำ 1 ใบ, คนโท และขันน้ำทองคำอย่างละ 1 ใบ
และอีกหนึ่งความทรงจำที่ประชาชนชาวนคคราชสีมา หรือ ชาวโคราช ไม่มีวันลืม นั่นคือ เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2524 เวลา 14.00 น. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ในโอกาสนี้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในรัชกาลที่ 9 พระราชทานบรมราโชวาทมีความตอนหนึ่งว่า
ทั้งหมดนี้ คงเป็นคำตอบได้ว่า ทำไม คุณย่าโม จึงได้รับความเคารพรักและยกย่องจากชาวจังหวัดนครราชสีมาและจากคนไทยทั้งประเทศ เพราะคุณย่าโมคือ วีรสตรีไทย เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวโคราชทุกคนและผู้คนจากทั่วทุกถิ่นที่ให้ความเคารพนับถือและมักแวะเวียนกันมากราบนมัสการไม่ขาดสายท้าวสุรนารี เป็นผู้ที่เสียสละเพื่อให้ประเทศชาติได้อยู่รอดปลอดภัย ควรที่อนุชนรุ่นหลัง จะได้ระลึกถึงคุณงามความดีของท่าน บ้านเมืองทุกวันนี้เป็นสิ่งที่ต้องหวงแหน การหวงแหน คือ ต้องสามัคคี รู้จักหน้าที่ ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ชาวนครราชสีมาได้แสดงพลังต้องการ ความเรียบร้อย ความสงบ เป็นปัจจัยสำคัญทำให้ชาติกลับปลอดภัยอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าสถานการณ์รอบตัวเราและรอบโลก จะผันผวนและ ล่อแหลมมาก แต่ถ้าทุกคนเข้มแข็ง สามัคคี กล้าหาญ และเอื้อเฟื้อต่อกันชาติก็จะมั่นคง
*ในเหตุการณ์ครั้งนั้น นางสาวบุญเหลือ ได้เสียสละพลีชีพด้วยการนำไม้ฟืนจากกองไฟ วิ่งหลอกล่อทหาร ตรงไปยังกองเกวียน กระสุนดินประสิวของกองทัพทหารลาว จนเกิดการระเบิด แสงเพลิงแดงไปทั่วท้องทุ่งสัมฤทธิ์
**คุณยาโม ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อเดือน เมษายน พ.ศ. 2395 (เดือน 5 ปีชวด จัตวาศก จศ. 1214) สิริรวมอายุได้ 81 ปี
อ้างอิง
<< Home page
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น